อาหารแช่แข็ง

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย คือสิ่งที่ดีและควรทำมากที่สุดควบคู่ไปกับการพักผ่อนที่เพียงพอและการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอ ซึ่งอาหารแต่ละประเภทก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียซึ่งมาพร้อมกับวิธีการกินที่ดีและไม่ดีตามมา วันนี้เราจึงอยากขอพาท่านผู้อ่านไปพบกับ “วิธีทานอาหารแช่แข็งให้ได้ประโยชน์” เพื่อเป็นทางเลือกให้กับทุกๆ ท่านที่ต้องกินอาหารจำพวกนี้อยู่บ่อยครั้งกันครับ

อาหารแช่แข็งคืออะไร?

อาหารแช่แข็ง คือ ผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านกระบวนการการแปรรูปด้วยการให้ความเย็นระดับเยือกแข็งเพื่อถนอมอาหารให้เก็บได้ยาวนาน โดยมีหลักการทางการถนอมอาหารดังนี้

อุณหภูมิที่ต่ำจะสามารถ ลด ยับยั้งและหยุดการเสื่อมเสียในอาหารอันเนื่องมาจากการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ปฏิกิริยาเคมี รวมทั้งการคงรักษาเนื้อสัมผัสได้ด้วยการลดจนเกือบจะหยุดการเคลื่อนไหวทางฟิสิกส์ของอนุภาคหรือที่เรียกว่าการเข้าสู่สภาวะสภาพแก้ว(glass transition)ในอาหารได้ [1]

ปัจจุบัน กฎการเก็บรักษาอาหารแช่แข็งส่วนใหญ่ จะให้เก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำกว่า-18°C(=0°F) ได้ในระยะเวลา 6 เดือน ถึง 2 ปี ด้วยความเย็นระดับนี้จะไม่มีจุลินทรีย์ชนิดใดสามารถเจริญเติบโตได้ โดยเฉพาะจุลินทรีย์ชนิด Psychophilic Organism ที่สามารถเจริญเติบโตได้ในอุณหภูมิต่ำถึง -5 องศาเซลเซียส ทำให้การแช่เย็นทั่วไปป้องกันไม่ได้ เพราะอุณหภูมิจะอยู่ที่เพียง 0-5 องศาเซลเซียส

อันตรายที่มาจากอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง

เนื้อสัตว์และอาหารทะเลมักจะมีสารฟอสเฟตเพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นหืน จะเคลือบสารตัวนี้ในอาหารก่อนนำมาแช่แข็ง ซึ่งถ้ามีสารตัวนี้มาก จะเป็นอันตราย ก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองต่อผิวหนังได้

มีส่วนผสมของสารกันบูด อาหารแปรรูปแช่แข็งมักใส่สารกันบูด ซึ่งถ้าบริโภคในปริมาณปกติ ร่างกายจะขับออกทางปัสสาวะ แต่ถ้าได้รับสารกันบูดในปริมาณมาก จะเกิดอาการอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย  หรือถ้าได้รับสารกันบูด เป็นเวลานานๆ จะเกิดสารพิษสะสม ส่งผลให้เกิดโรงมะเร็งได้

อาหารอาจระเบิดในไมโครเวฟได้ขณะอุ่น อาหารแปรรูปแช่แข็งต้องผ่านกรรมวิธีการอุ่นร้อนก่อนถึงจะรับประทานได้ ส่วนใหญ่มักจะใช้ไมโครเวฟในการอุ่นร่วมกับภาชนะ เช่น พลาสติก กระดาษแข็ง ถ้าภาชนะไม่สามารถทนความร้อน เมื่ออุ่นในไมโครเวฟจะทำให้เกิดการไหม้ได้ หรือหากไม่มีการระบายไอน้ำขณะอุ่นร้อนในไมโครเวฟ อาจะจะเกิดการระเบิดได้เช่นกัน

 ●ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน เนื่องจากอาหารแปรรูปแช่แข็งจะลดคุณค่าของสารอาหารประเภท เนื้อสัตว์  สามารถสังเกตได้จากสี เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว จากสีแดง จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล

วิธีกินอาหารแช่แข็งให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ก่อนรับประทานควรตรวจดูวันหมดอายุที่ฉลากอาหารแช่แข็งให้ดี แม้อาหารแช่แข็งจะเก็บไว้ได้นาน ก็มีวันหมดอายุเช่นกัน ก่อนซื้ออาหารแช่แข็งจึงควรตรวจสอบวันผลิตและวันหมดอายุให้ดี เพราะร้านสะดวกซื้อบางร้านอาจเก็บอาหารแช่แข็งไว้นานโดยไม่ได้ตรวจสอบ และทางที่ดีไม่ควรซื้ออาหารแช่แข็งที่ไม่มีฉลากระบุวันผลิตและวันหมดอายุ นอกจากนั้น หากซื้อมาแล้วยังไม่ได้รับประทาน ก็ควรเก็บอาหารแช่แข็งเข้าช่องฟรีซในตู้เย็นทันที อย่าปล่อยให้ละลาย ไม่เช่นนั้นจุลินทรีย์ที่ถูกสตาฟเอาไว้จะกลับมามีชีวิต ทำให้อาหารแช่แข็งของเราเสียรสชาติ คุณค่าทางโภชนาการลดลง และเน่าเสียง่ายขึ้นนั่นเอง

ควรเลือกกินอาหารแช่แข็งที่เป็นเมนูสุขภาพ เพราะอาหารแช่แข็งมีเมนูให้เลือกหลากหลาย แต่ถ้าอยากกินอาหารแช่แข็งให้ได้ประโยชน์จริงๆ ก็ต้องเลือกอาหารแช่แข็งที่เป็นเมนูสุขภาพ เช่น เมนูที่ใช้ข้าวไม่ขัดสี ข้าวกล้อง หรือข้าวไรซ์เบอร์รี่ เน้นเมนูที่มีผักเป็นส่วนประกอบ และอาจเลือกเมนูที่เป็นเนื้อสัตว์ย่อยง่าย เช่น ปลา หรือไก่ ซึ่งแคลอรีต่ำกว่าอาหารแช่แข็งที่มีแต่เนื้อสัตว์ติดมัน นอกจากนั้น อาจเลือกอาหารแช่แข็งที่เป็นเมนูปรุงน้อยๆ รสชาติไม่จัดจ้าน จะช่วยลดปริมาณเกลือ และโซเดียมได้มากกว่าที่คุณคิด

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “ทานอาหารแช่แข็งอย่างไรให้ได้ประโยชน์”ที่มาพร้อมกับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ “อาหารแช่แข็ง” ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ สุดท้ายเราหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆ ท่านในการเลือกกินอาหารที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการกันนะครับ

You may also like